เมนู

5. อัตตรักขิตสูตร



[337] พระเจ้าปเสนทิโกศล ประทับนั่ง ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ข้าพระองค์ได้เข้าห้อง
ส่วนตัวพักผ่อนอยู่ ได้เกิดความนึกคิดอย่างนี้ว่า ชนพวกไหนหนอ ชื่อว่าเป็น
ผู้รักษาตน ชนพวกไหนหนอ ชื่อว่าเป็นผู้ไม่รักษาตน ข้าพระองค์ได้คิดต่อ
ไปว่า ก็ชนบางพวกย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่า
เป็นผู้ไม่รักษาตน ถึงแม้พลช้าง พลม้า พลรถ หรือพลเดินเท้า จะพึงรักษา
เขา ถึงเช่นนั้นชนพวกนั้น ก็ชื่อว่าไม่เป็นผู้รักษาตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร
ก็เพราะเหตุว่า การรักษาเช่นนั้น เป็นการรักษาภายนอก มิใช่เป็นการรักษา
ภายใน ฉะนั้น ชนพวกนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้ไม่รักษาตน ส่วนว่าชนบางพวกย่อม
ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ถึงแม้ว่า
พลช้าง พลม้า พลรถหรือพลเดินเท้า จะไม่รักษาเขา ถึงเช่นนั้นชนพวกนั้น
ก็ชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ก็เพราะเหตุว่าการรักษาเช่น
นั้น เป็นการรักษาภายใน มิใช่เป็นการรักษาภายนอก ฉะนั้น ชนพวกนั้นจึง
ชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน.
[338] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ถูกแล้ว ๆ มหาบพิตร ก็ชน
บางพวกย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้ไม่รักษา
คน ถึงแม้ชนพวกนั้นจะมีพลช้าง พลม้า พลรถ หรือพลเดินเท้า คอยรักษา
ถึงเช่นนั้นชนพวกนั้นก็ชื่อว่าไม่รักษาตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ก็เพราะเหตุ
ว่าการรักษาเช่นนั้นเป็นการรักษาภายนอก มิใช่เป็นการรักษาภายใน ฉะนั้น
ชนพวกนั้นจึงชื่อว่าไม่รักษาตน ส่วนว่าชนบางพวกย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย

วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ถึงแม้ชนพวกนั้นจะไม่มีพลช้าง
พลน้ำ พลรถ หรือพลเดินเท้า คอยรักษา ถึงเช่นนั้นชนพวกนั้นก็ชื่อว่ารักษา
ตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ก็เพราะเหตุว่าการรักษาเช่นนั้นเป็นการรักษา
ภายใน มิใช่เป็นการรักษาภายนอก ฉะนั้น ซนพวกนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้รักษา
ตน.
[339] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์คำ
ร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า
การสำรวมทางกายเป็นการดี การ
สำรวมทางวาจาเป็นการดี การสำรวมทาง
ใจเป็นการดี การสำรวมในที่ทั้งปวงเป็น
การดี บุคคลสำรวมในที่ทั้งปวงแล้วมี
ความละอายต่อบาป เรากล่าวว่าเป็นผู้
รักษาตน.


อรรถกถาอัตตรักขิตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอัตตรักขิตสูตรที่ 5 ต่อไป :-
บทว่า หตฺถิกาโย ได้แก่ หมู่พลช้าง. แม้ในหมู่พลที่เหลือก็นัยนี้
เหมือนกัน. บทว่า สํวโร ได้แก่ ปิด. ด้วยบทว่า สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงความสำรวมแห่งกรรมที่ยังไม่ถึงความแตก
แห่งกรรมบถ. บทว่า ลชฺชี แปลว่า ผู้มีหิริละอาย แม้โอตตัปปะ ก็เป็น
อันทรงถือเอาแล้วด้วย ลัชชี ศัพท์ในบทนี้.
จบอรรถกถาอัตตรักขิตสูตรที่ 5